17 พฤษภาคม วันชาติ วันรัฐธรรมนูญ และวันเด็กของนอร์เวย์
ในอดีต นอร์เวย์ เป็นราชอาณาจักรร่วมประมุขเดนมาร์กและนอร์เวย์ หลังจากการล่มสลายของสหราชอาณาจักรคาลมาร์แล้ว สองราชอาณาจักรก็ทำการตกลงรวมกันเป็นราชอาณาจักรร่วมประมุขใหม่ในปี พ.ศ.2079 และรุ่งเรืองมาจนถึง พ.ศ.2357
ระหว่างปี พ.ศ.2079-2357 (ค.ศ. 1536-1814) คำว่า "ราชอาณาจักรเดนมาร์ก" ก็อาจจะหมายถึงทั้งสองอาณาจักร เพราะอำนาจทางการเมืองและทางการเศรษฐกิจมีศูนย์กลางอยู่ที่โคเปนเฮเกนในเดนมาร์ก คำนี้ครอบคลุมส่วนที่เป็น ราชอาณาจักรโอลเดนบวร์กของปี พ.ศ.2003 แต่ไม่รวมส่วนที่เป็น ดัชชีแห่งชเลสวิก และ โฮลชไตน์ ภาษาราชการมีสองภาษา ภาษาเดนมาร์ก และ ภาษาเยอรมัน และมีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีทั้งสภาเดนมาร์กและสภาเยอรมัน
ดินแดนหมู่เกาะที่อยู่ใกล้เคียง ได้แก่ สฟาลบาร์และยานไมเอน ต่างก็อยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของนอร์เวย์และถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักร ในขณะที่เกาะบูแวในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ และเกาะปีเตอร์ที่ 1 ในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้นั้น มีฐานะเป็นอาณานิคมของนอร์เวย์เท่านั้น ไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักร นอกจากนี้นอร์เวย์ยังอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนดรอนนิงมอดแลนด์ในทวีปแอนตาร์กติกา ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีวิจัยอีกด้วย
ในปี พ.ศ.2357 เดนมาร์กและนอร์เวย์ยุติการมีประมุขร่วมกันช่วงเวลาสั้นๆ และวันที่ 17 พฤษภาคมในปีนั้น ชาวนอร์เวย์มีรัฐธรรมนูญเป็นของตนเอง ซึ่งภายหลังเมื่อนอร์เวย์แยกตัวเป็นรัฐอิสระ จึงถือวันนี้เป็นวันชาติจนถึงปัจจุบัน
นอร์เวย์ในปัจจุบัน
นอร์เวย์ (อังกฤษ: NORWAY; บูกมอล: NORGE; นีนอสก์: NOREG) มีชื่อทางการว่า ราชอาณาจักรนอร์เวย์ (อังกฤษ: KINGDOM OF NORWAY; บูกมอล: KONGERIKET NORGE; นีนอสก์: KONGERIKET NOREG) เป็นประเทศในกลุ่มนอร์ดิก ตั้งอยู่ในยุโรปเหนือ ส่วนตะวันตกของคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย มีอาณาเขตจรดประเทศสวีเดน ฟินแลนด์ และรัสเซีย และมีอาณาเขตทางทะเลจรดมหาสมุทรแอตแลนติก ใกล้กับประเทศเดนมาร์กและสหราชอาณาจักร นอร์เวย์เป็นประเทศที่มีชายฝั่งยาวและเป็นที่ตั้งของฟยอร์ดที่มีชื่อเสียง เมืองหลวงและศูนย์กลางเศรษฐกิจคือกรุงออสโล(ออสลู)
ปัจจุบันนอร์เวย์ปกครองด้วยระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญและระบอบรัฐสภา ประมุขแห่งรัฐของนอร์เวย์คือพระมหากษัตริย์ โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดีฮารัลด์ที่ 5 เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ปัจจุบัน บทบาทของพระมหากษัตริย์จำกัดอยู่เพียงด้านพิธีการและสัญลักษณ์
กิจกรรมในวันชาติ
คนส่วนใหญ่จะแต่งตัวอย่างสวยงามกันในวันชาติ หลายคนจะสวมใส่ “บูนัด” หรือเสื้อผ้าประจำชาติอื่น ๆ จะมีขบวนพาเหรดของเด็กจัดขึ้นในช่วงเช้า เด็ก ๆ จากโรงเรียนจะร่วมกันเดินขบวนและโบกธงชาตินอร์เวย์พร้อมกับร้องเพลง วงดนตรีมาร์ชจะร่วมเล่นในขบวนพาเหรดหลายแห่งด้วยเช่นกัน ต่อจากนั้นจะมีการกล่าวคำปราศรัยและจัดงานตามโรงเรียน สวนสาธารณะและศูนย์กลางชุมชน นอกจากนี้วันที่ 17 พฤษภาคมยังถือเป็นวันเด็กอีกด้วย
ในอดีต นอร์เวย์ เป็นราชอาณาจักรร่วมประมุขเดนมาร์กและนอร์เวย์ หลังจากการล่มสลายของสหราชอาณาจักรคาลมาร์แล้ว สองราชอาณาจักรก็ทำการตกลงรวมกันเป็นราชอาณาจักรร่วมประมุขใหม่ในปี พ.ศ.2079 และรุ่งเรืองมาจนถึง พ.ศ.2357
ระหว่างปี พ.ศ.2079-2357 (ค.ศ. 1536-1814) คำว่า "ราชอาณาจักรเดนมาร์ก" ก็อาจจะหมายถึงทั้งสองอาณาจักร เพราะอำนาจทางการเมืองและทางการเศรษฐกิจมีศูนย์กลางอยู่ที่โคเปนเฮเกนในเดนมาร์ก คำนี้ครอบคลุมส่วนที่เป็น ราชอาณาจักรโอลเดนบวร์กของปี พ.ศ.2003 แต่ไม่รวมส่วนที่เป็น ดัชชีแห่งชเลสวิก และ โฮลชไตน์ ภาษาราชการมีสองภาษา ภาษาเดนมาร์ก และ ภาษาเยอรมัน และมีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีทั้งสภาเดนมาร์กและสภาเยอรมัน
ดินแดนหมู่เกาะที่อยู่ใกล้เคียง ได้แก่ สฟาลบาร์และยานไมเอน ต่างก็อยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของนอร์เวย์และถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักร ในขณะที่เกาะบูแวในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ และเกาะปีเตอร์ที่ 1 ในมหาสมุทรแปซิฟิกใต้นั้น มีฐานะเป็นอาณานิคมของนอร์เวย์เท่านั้น ไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักร นอกจากนี้นอร์เวย์ยังอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนดรอนนิงมอดแลนด์ในทวีปแอนตาร์กติกา ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีวิจัยอีกด้วย
ในปี พ.ศ.2357 เดนมาร์กและนอร์เวย์ยุติการมีประมุขร่วมกันช่วงเวลาสั้นๆ และวันที่ 17 พฤษภาคมในปีนั้น ชาวนอร์เวย์มีรัฐธรรมนูญเป็นของตนเอง ซึ่งภายหลังเมื่อนอร์เวย์แยกตัวเป็นรัฐอิสระ จึงถือวันนี้เป็นวันชาติจนถึงปัจจุบัน
นอร์เวย์ในปัจจุบัน
นอร์เวย์ (อังกฤษ: NORWAY; บูกมอล: NORGE; นีนอสก์: NOREG) มีชื่อทางการว่า ราชอาณาจักรนอร์เวย์ (อังกฤษ: KINGDOM OF NORWAY; บูกมอล: KONGERIKET NORGE; นีนอสก์: KONGERIKET NOREG) เป็นประเทศในกลุ่มนอร์ดิก ตั้งอยู่ในยุโรปเหนือ ส่วนตะวันตกของคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย มีอาณาเขตจรดประเทศสวีเดน ฟินแลนด์ และรัสเซีย และมีอาณาเขตทางทะเลจรดมหาสมุทรแอตแลนติก ใกล้กับประเทศเดนมาร์กและสหราชอาณาจักร นอร์เวย์เป็นประเทศที่มีชายฝั่งยาวและเป็นที่ตั้งของฟยอร์ดที่มีชื่อเสียง เมืองหลวงและศูนย์กลางเศรษฐกิจคือกรุงออสโล(ออสลู)
ปัจจุบันนอร์เวย์ปกครองด้วยระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญและระบอบรัฐสภา ประมุขแห่งรัฐของนอร์เวย์คือพระมหากษัตริย์ โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดีฮารัลด์ที่ 5 เป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ปัจจุบัน บทบาทของพระมหากษัตริย์จำกัดอยู่เพียงด้านพิธีการและสัญลักษณ์
กิจกรรมในวันชาติ
คนส่วนใหญ่จะแต่งตัวอย่างสวยงามกันในวันชาติ หลายคนจะสวมใส่ “บูนัด” หรือเสื้อผ้าประจำชาติอื่น ๆ จะมีขบวนพาเหรดของเด็กจัดขึ้นในช่วงเช้า เด็ก ๆ จากโรงเรียนจะร่วมกันเดินขบวนและโบกธงชาตินอร์เวย์พร้อมกับร้องเพลง วงดนตรีมาร์ชจะร่วมเล่นในขบวนพาเหรดหลายแห่งด้วยเช่นกัน ต่อจากนั้นจะมีการกล่าวคำปราศรัยและจัดงานตามโรงเรียน สวนสาธารณะและศูนย์กลางชุมชน นอกจากนี้วันที่ 17 พฤษภาคมยังถือเป็นวันเด็กอีกด้วย
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในนฉลองพระองค์เต็มยศ
ฉายร่วมกับข้าราชบริพาร กะลาสี และช่างไม้ชาวนอร์เวย์ บริเวณหินสลักพระปรมาภิไธย จปร.
ฉายร่วมกับข้าราชบริพาร กะลาสี และช่างไม้ชาวนอร์เวย์ บริเวณหินสลักพระปรมาภิไธย จปร.
ความสัมพันธ์กับประเทศไทย
หลังจากที่นอร์เวย์ประกาศเอกราชและแยกตัวออกจากสวีเดนโดยสันติ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2448 ประเทศไทย(สยาม)สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับนอร์เวย์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2448 ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับนอร์เวย์ทวีความใกล้ชิดมากขึ้นจากการเสด็จประพาสยุโรปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพ.ศ.2450 ในโอกาสนั้นทรงลงพระนามาภิไธยย่อ “จปร” ไว้บนก้อนหิน ณ บริเวณนอร์ดแคปป์ (แหลมนอร์ธเคป : NORDKAPP) (ต่อมาได้มีการจัดสร้างพิพิธภัณฑสถานไทย ณ นอร์ดแคปป์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และในโอกาสนั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯ เยือนนอร์เวย์ เพื่อทรงเปิดพิพิธภัณฑ์ดังกล่าว เมื่อพ.ศ.2532)
พ.ศ. 2495 ได้มีการแลกเปลี่ยนผู้แทนทางการทูตในระดับอัครราชทูต และได้ยกฐานะความสัมพันธ์ขึ้นเป็นระดับเอกอัครราชทูตตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม พ.ศ.2503 จากนั้นนอร์เวย์ได้แต่งตั้งเอกอัครราชทูตมาประจำประเทศไทยตลอดมา ส่วนไทยได้เปิดสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2530 และเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2544 คณะรัฐมนตรีมีมติให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐลัตเวีย
ไทยและนอร์เวย์ได้เฉลิมฉลองการครบรอบ 100 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตใน พ.ศ.2548 ในโอกาสดังกล่าว เจ้าชายโฮกุ้น มกุฎราชกุมารแห่งนอร์เวย์ และเจ้าหญิงเมตเต-มาริต พระชายา ได้เสด็จฯ เยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ระหว่างวันที่ 23 – 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2547
นอกจากนี้ นอร์เวย์เคยมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในการเชื่อมความสัมพันธ์ไทย – จีน โดยเมื่อต้นพ.ศ. 2514 นอร์เวย์ได้เริ่มทำหน้าที่เป็นประเทศที่สามที่เป็นตัวกลางในการจัดให้ผู้แทนฝ่ายไทยและฝ่ายจีนได้พบปะหารือกัน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2514 นายอานันท์ ปันยารชุน เอกอัครราชทูตประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และนายเจียว กง หัว (CHIAO KUAN-HUA) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้พบปะหารือกันที่นครนิวยอร์ก อันนำไปสู่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2518
สำหรับ สถานเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรนอร์เวย์ประจำประเทศไทยมีเขตอำนาจครอบคลุมประเทศกัมพูชา และเมียนมาร์ ทั้งมีสถานกงสุลนอร์เวย์ประจำประเทศไทย จำนวน 2 แห่ง คือ
ปัจจุบัน คนไทยในนอร์เวย์มีจำนวนประมาณ 10,000 คน ส่วนใหญ่เป็นหญิงที่แต่งงานกับชาวนอร์เวย์ ส่วนหนึ่งได้สัญชาตินอร์เวย์แล้ว มีร้านอาหารไทย จำนวน 34 ร้าน มีวัดไทย จำนวน 1 วัด และมีสมาคมคนไทยที่สำคัญ เช่น สมาคมชาวพุทธไทย สมาคมคนไทยในเขตโรกาแลนด์ (HORDALAND) และสมาคมชาวพุทธไทย ทรอนด์แฮม (TRONDHEIM)
หลังจากที่นอร์เวย์ประกาศเอกราชและแยกตัวออกจากสวีเดนโดยสันติ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2448 ประเทศไทย(สยาม)สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับนอร์เวย์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2448 ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับนอร์เวย์ทวีความใกล้ชิดมากขึ้นจากการเสด็จประพาสยุโรปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพ.ศ.2450 ในโอกาสนั้นทรงลงพระนามาภิไธยย่อ “จปร” ไว้บนก้อนหิน ณ บริเวณนอร์ดแคปป์ (แหลมนอร์ธเคป : NORDKAPP) (ต่อมาได้มีการจัดสร้างพิพิธภัณฑสถานไทย ณ นอร์ดแคปป์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และในโอกาสนั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯ เยือนนอร์เวย์ เพื่อทรงเปิดพิพิธภัณฑ์ดังกล่าว เมื่อพ.ศ.2532)
พ.ศ. 2495 ได้มีการแลกเปลี่ยนผู้แทนทางการทูตในระดับอัครราชทูต และได้ยกฐานะความสัมพันธ์ขึ้นเป็นระดับเอกอัครราชทูตตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม พ.ศ.2503 จากนั้นนอร์เวย์ได้แต่งตั้งเอกอัครราชทูตมาประจำประเทศไทยตลอดมา ส่วนไทยได้เปิดสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2530 และเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2544 คณะรัฐมนตรีมีมติให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออสโล มีเขตอาณาครอบคลุมสาธารณรัฐลัตเวีย
ไทยและนอร์เวย์ได้เฉลิมฉลองการครบรอบ 100 ปี แห่งความสัมพันธ์ทางการทูตใน พ.ศ.2548 ในโอกาสดังกล่าว เจ้าชายโฮกุ้น มกุฎราชกุมารแห่งนอร์เวย์ และเจ้าหญิงเมตเต-มาริต พระชายา ได้เสด็จฯ เยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะพระราชอาคันตุกะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ระหว่างวันที่ 23 – 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2547
นอกจากนี้ นอร์เวย์เคยมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในการเชื่อมความสัมพันธ์ไทย – จีน โดยเมื่อต้นพ.ศ. 2514 นอร์เวย์ได้เริ่มทำหน้าที่เป็นประเทศที่สามที่เป็นตัวกลางในการจัดให้ผู้แทนฝ่ายไทยและฝ่ายจีนได้พบปะหารือกัน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ.2514 นายอานันท์ ปันยารชุน เอกอัครราชทูตประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก และนายเจียว กง หัว (CHIAO KUAN-HUA) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้พบปะหารือกันที่นครนิวยอร์ก อันนำไปสู่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2518
สำหรับ สถานเอกอัครราชทูตราชอาณาจักรนอร์เวย์ประจำประเทศไทยมีเขตอำนาจครอบคลุมประเทศกัมพูชา และเมียนมาร์ ทั้งมีสถานกงสุลนอร์เวย์ประจำประเทศไทย จำนวน 2 แห่ง คือ
- สถานกงสุลนอร์เวย์ประจำเมืองพัทยา
- สถานกงสุลนอร์เวย์ประจำจังหวัดภูเก็ต
ปัจจุบัน คนไทยในนอร์เวย์มีจำนวนประมาณ 10,000 คน ส่วนใหญ่เป็นหญิงที่แต่งงานกับชาวนอร์เวย์ ส่วนหนึ่งได้สัญชาตินอร์เวย์แล้ว มีร้านอาหารไทย จำนวน 34 ร้าน มีวัดไทย จำนวน 1 วัด และมีสมาคมคนไทยที่สำคัญ เช่น สมาคมชาวพุทธไทย สมาคมคนไทยในเขตโรกาแลนด์ (HORDALAND) และสมาคมชาวพุทธไทย ทรอนด์แฮม (TRONDHEIM)