นรกมิคสัญญีแห่งเมืองไทร์ (Tyre)
ด้วยว่าการสู้รบในการบุกยึดเมืองไทร์ในครั้งนี้มีความยืดเยื้อเป็นเวลานาน จึงได้ทำให้เหล่าทหารหาญแห่งกองทัพมาซิโดเนียของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชเกิดมีความเครียด ก็ด้วยเพราะว่าเข้าตีและบุกยึดเมืองไม่ได้เสียที และในขณะนั้นสหายร่วมศึกบางคนของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ต้องเสียชีวิตไปในการบุกยึดเมือง จึงทำให้พระองค์ต้องทรงพิโรธต่อเมืองไทร์เป็นยิ่งนัก
สาเหตุที่ยึดครองเมืองไทร์ไม่ได้เสียที ด้วยว่าเมืองไทร์มีเกาะเล็กๆเกาะหนึ่งอยู่หลังเมือง หากว่าเกิดสงครามสามารถจะอพยพชาวเมืองหลบหนีไปยังที่เกาะแห่งนั้นได้ และที่เกาะแห่งนั้นมีแหล่งนํ้าและเสบียงอาหารที่เพียบพร้อมซึ่งจะสามารถอยู่แบบปลอดภัยได้ถึงหนึ่งปี และก็ด้วยเมืองไทร์เป็นเมืองท่ามาตั้งแต่โบราณ กองทัพเรือแห่งไทร์จึงมีความแข็งแกร่งพอที่จะต่อต้านพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้ เพียงแค่สักชั่วระยะหนึ่งที่มันพอจะทำให้ผู้บุกรุกสามารถเปลี่ยนใจถอนทัพกลับได้
ในบันทึกประวัติศาสตร์นั้นได้มีการเขียนบันทึกเอาไว้ว่า พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชนั้นนอกจากพระองค์จะทรงไม่ยอมตัดพระทัยยอมแพ้และถอยทัพกลับไป พระองค์ก็ยังได้ทรงสั่งให้ทหารเข้ารื้อถอนกำแพงเมืองและบ้านเรือนที่ตั้งอยู่บนชายฝั่ง(อาณาเขตเมืองเก่า)ที่ในตอนนี้ได้ถูกทำลายไปแล้ว เพื่อที่จะเอาอิฐหินจากซากปรักหักพังนั้นมาถมทะเลไปยังที่เกาะแห่งนั้น พระองค์นั้นก็ยังทรงได้ระดมนายช่างให้ปลูกสร้างหอคอย และยังรวมไปถึงเครื่องยิงหินแบบโบราณ ได้ระดมยิงไปยังที่เกาะแห่งนั้นบนถนนได้ถมจองเอาไว้ พร้อมส่งกองทัพเรือบุกโจมตีอีกทาง ซึ่งผลปรากฏว่าพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชทรงเป็นฝ่ายชนะ
และเมืองไทร์ต้องรับเคราะห์อย่างหนัก เหล่าเชื้อพระวงศ์ เหล่าขุนนางชนชั้นสูง และเหล่าทหารทั้งหมดที่ถูกจับเป็นเชลยหลังยึดเมืองไทร์ได้ ต่างก็ไม่ได้รับความเมตตาปรานีจากพระองค์ ล้วนต่างได้ถูกตัดสินให้ประหารชีวิตสิ้นไปทั้งโคตร(เฉพาะเชื้อพระวงศ์และชนชั้นสูง) ผู้หญิงและเด็กถูกจับไปเป็นทาส ทรัพย์สมบัติในท้องพระคลังทั้งหมดถูกปล้นไปจนสิ้น เมืองบางส่วนได้ถูกเผาทำลาย นี่ก็คือตัวอย่างของเมืองที่ไม่ยอมแพ้ ต่อกองทัพแห่งจักรวรรดิ์มาซิโดเนียของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ซึงก็จะมีอีกหลายเมืองซึ่งต้องผจญชะตากรรมดุจดั่งเมืองไทร์
ภาพประกอบ : ยุทธการยึดเมืองไทร์ของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (Siege Of Tyre) ในปีที่ 332 ก่อนคริสตศักราช
ด้วยว่าการสู้รบในการบุกยึดเมืองไทร์ในครั้งนี้มีความยืดเยื้อเป็นเวลานาน จึงได้ทำให้เหล่าทหารหาญแห่งกองทัพมาซิโดเนียของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชเกิดมีความเครียด ก็ด้วยเพราะว่าเข้าตีและบุกยึดเมืองไม่ได้เสียที และในขณะนั้นสหายร่วมศึกบางคนของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ต้องเสียชีวิตไปในการบุกยึดเมือง จึงทำให้พระองค์ต้องทรงพิโรธต่อเมืองไทร์เป็นยิ่งนัก
สาเหตุที่ยึดครองเมืองไทร์ไม่ได้เสียที ด้วยว่าเมืองไทร์มีเกาะเล็กๆเกาะหนึ่งอยู่หลังเมือง หากว่าเกิดสงครามสามารถจะอพยพชาวเมืองหลบหนีไปยังที่เกาะแห่งนั้นได้ และที่เกาะแห่งนั้นมีแหล่งนํ้าและเสบียงอาหารที่เพียบพร้อมซึ่งจะสามารถอยู่แบบปลอดภัยได้ถึงหนึ่งปี และก็ด้วยเมืองไทร์เป็นเมืองท่ามาตั้งแต่โบราณ กองทัพเรือแห่งไทร์จึงมีความแข็งแกร่งพอที่จะต่อต้านพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชได้ เพียงแค่สักชั่วระยะหนึ่งที่มันพอจะทำให้ผู้บุกรุกสามารถเปลี่ยนใจถอนทัพกลับได้
ในบันทึกประวัติศาสตร์นั้นได้มีการเขียนบันทึกเอาไว้ว่า พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชนั้นนอกจากพระองค์จะทรงไม่ยอมตัดพระทัยยอมแพ้และถอยทัพกลับไป พระองค์ก็ยังได้ทรงสั่งให้ทหารเข้ารื้อถอนกำแพงเมืองและบ้านเรือนที่ตั้งอยู่บนชายฝั่ง(อาณาเขตเมืองเก่า)ที่ในตอนนี้ได้ถูกทำลายไปแล้ว เพื่อที่จะเอาอิฐหินจากซากปรักหักพังนั้นมาถมทะเลไปยังที่เกาะแห่งนั้น พระองค์นั้นก็ยังทรงได้ระดมนายช่างให้ปลูกสร้างหอคอย และยังรวมไปถึงเครื่องยิงหินแบบโบราณ ได้ระดมยิงไปยังที่เกาะแห่งนั้นบนถนนได้ถมจองเอาไว้ พร้อมส่งกองทัพเรือบุกโจมตีอีกทาง ซึ่งผลปรากฏว่าพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชทรงเป็นฝ่ายชนะ
และเมืองไทร์ต้องรับเคราะห์อย่างหนัก เหล่าเชื้อพระวงศ์ เหล่าขุนนางชนชั้นสูง และเหล่าทหารทั้งหมดที่ถูกจับเป็นเชลยหลังยึดเมืองไทร์ได้ ต่างก็ไม่ได้รับความเมตตาปรานีจากพระองค์ ล้วนต่างได้ถูกตัดสินให้ประหารชีวิตสิ้นไปทั้งโคตร(เฉพาะเชื้อพระวงศ์และชนชั้นสูง) ผู้หญิงและเด็กถูกจับไปเป็นทาส ทรัพย์สมบัติในท้องพระคลังทั้งหมดถูกปล้นไปจนสิ้น เมืองบางส่วนได้ถูกเผาทำลาย นี่ก็คือตัวอย่างของเมืองที่ไม่ยอมแพ้ ต่อกองทัพแห่งจักรวรรดิ์มาซิโดเนียของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ซึงก็จะมีอีกหลายเมืองซึ่งต้องผจญชะตากรรมดุจดั่งเมืองไทร์
ภาพประกอบ : ยุทธการยึดเมืองไทร์ของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (Siege Of Tyre) ในปีที่ 332 ก่อนคริสตศักราช