ราชอาณาจักรสุโขทัย จุดเริ่มต้นแห่งประวัติศาสตร์
๑. ประกาศเอกราช และสถาปนาราชวงศ์พระร่วง ยุคแห่งความรุ่งเรืองของสุโขทัย
ราชอาณาจักรสุโขทัย เคยอยู่ใต้การปกครองของขอมมาก่อน กระทั่งปี ๑๗๘๑ กษัตริย์สุโขทัยคือพ่อขุนนาวนัมถม ได้สิ้นพระชนม์ลง กษัตริย์ ๒ พระองค์คือพ่อขุนผาเมืองโอรส เจ้าเมืองราด (หล่มสักในปัจจุบัน) และพ่อขุนบางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง (นครไทยในปัจจุบัน) ได้ปลดแอกอำนาจของขอมออก และสถาปนาพ่อขุนบางกลางหาวเป็นกษัตริย์พระองค์แรก นามว่าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ในปี ๑๗๙๒
ต่อมาในปี ๑๘๐๐ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์สิ้นพระชนม์ พระเชษฐาคือพ่อขุนบานเมืองได้ขึ้นครองราชย์ และสิ้นพระชนม์ในปี ๑๘๒๐ บัลลังค์จึงสืบมาถึงพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ซึ่งพระองค์ขยายดินแดนสุโขทัยไปกว้างไกลมาก และเป็นช่วงที่ขอมเสื่อมอำนาจลง พ่อขุนรามคำแหงจึงถือโอกาสเข้าตีดินแดนที่เคยเป็นของขอมเข้าไว้ในอาณาจักรสุโขทัยเป็นอันมาก ทั้งยังเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นกับล้านนาและพะเยาด้วย นอกจากนั้นยังเป็นพันธมิตรกับราชวงศ์หยวน มีการผูกสัมพันธ์ทางเครือญาติกับมองโกลด้วย สยามจึงเป็นดินแดนที่มองโกลไม่คิดรุกราน ทางด้านวัฒนธรรมและการศาสนาก็ยังรุ่งเรืองเป็นอันมาก ทรงอุปถัมภ์พุทธเถรวาท และได้ต้อนรับคณะสงฆ์ที่เดินทางมากจากลังกาเป็นอย่างดี เป็นการเผยแผ่พุทธเถรวาทแทนพุทธมหายานที่เคยฝังรากลึกในดินแดนขอมโบราณ และที่สำคัญ พระองค์ยังดัดแปลงอักษรขอมมาเป็นลายสือไท ใช้จารึกข้อความบันทึกประวัติศาสตร์
๑. ประกาศเอกราช และสถาปนาราชวงศ์พระร่วง ยุคแห่งความรุ่งเรืองของสุโขทัย
ราชอาณาจักรสุโขทัย เคยอยู่ใต้การปกครองของขอมมาก่อน กระทั่งปี ๑๗๘๑ กษัตริย์สุโขทัยคือพ่อขุนนาวนัมถม ได้สิ้นพระชนม์ลง กษัตริย์ ๒ พระองค์คือพ่อขุนผาเมืองโอรส เจ้าเมืองราด (หล่มสักในปัจจุบัน) และพ่อขุนบางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง (นครไทยในปัจจุบัน) ได้ปลดแอกอำนาจของขอมออก และสถาปนาพ่อขุนบางกลางหาวเป็นกษัตริย์พระองค์แรก นามว่าพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ในปี ๑๗๙๒
ต่อมาในปี ๑๘๐๐ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์สิ้นพระชนม์ พระเชษฐาคือพ่อขุนบานเมืองได้ขึ้นครองราชย์ และสิ้นพระชนม์ในปี ๑๘๒๐ บัลลังค์จึงสืบมาถึงพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ซึ่งพระองค์ขยายดินแดนสุโขทัยไปกว้างไกลมาก และเป็นช่วงที่ขอมเสื่อมอำนาจลง พ่อขุนรามคำแหงจึงถือโอกาสเข้าตีดินแดนที่เคยเป็นของขอมเข้าไว้ในอาณาจักรสุโขทัยเป็นอันมาก ทั้งยังเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นกับล้านนาและพะเยาด้วย นอกจากนั้นยังเป็นพันธมิตรกับราชวงศ์หยวน มีการผูกสัมพันธ์ทางเครือญาติกับมองโกลด้วย สยามจึงเป็นดินแดนที่มองโกลไม่คิดรุกราน ทางด้านวัฒนธรรมและการศาสนาก็ยังรุ่งเรืองเป็นอันมาก ทรงอุปถัมภ์พุทธเถรวาท และได้ต้อนรับคณะสงฆ์ที่เดินทางมากจากลังกาเป็นอย่างดี เป็นการเผยแผ่พุทธเถรวาทแทนพุทธมหายานที่เคยฝังรากลึกในดินแดนขอมโบราณ และที่สำคัญ พระองค์ยังดัดแปลงอักษรขอมมาเป็นลายสือไท ใช้จารึกข้อความบันทึกประวัติศาสตร์
๒. ยุคสมัยแห่งการเสื่อมอำนาจ
หลังจากที่พ่อขุนรามคำแหงมหาราชย์สิ้นพระชนม์ในปี ๑๘๖๐ แผ่นดินก็อ่อนแอลง เมืองต่างๆที่เคยอยู่ใต้การปกครองก็แยกตัวออกเป็นอิสระ ในช่วงนี้แผ่นดินอยู่ใต้การดูแลของปู่ไสสงคราม ผู้ดูแลแทนพญาเลอไท โอรสพ่อขุนรามคำแหงที่เป็นราชทูตเดินทางไปยังประเทศจีน และในช่วงนี้เช่นกันที่สุพรรณบุรีหลุดจากอำนาจของสุโขทัย และเริ่มกล้าแข็งขึ้นภายใต้อำนาจของพระเจ้าอู่ทอง หลังจากนั้นพระเจ้าอู่ทองได้พยายามเข้าโจมตีหัวเมืองของสุโขทัยหลายครั้ง
พญาเลอไทสิ้นพระชนม์ในปี ๑๘๙๐ พญางั่วนัมถมพระอนุชาครองราชย์ต่อ แต่ก็สิ้นพระชนม์หลังจากนั้นไม่นาน และเกิดการแย่งชิงบัลลังค์กัน ผู้ขึ้นครองราชย์ต่อคือพญาลิไท หรือ พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (Mahadharmaraja I) โอรสของพญาเลอไท พญาลิไททรงเป็นกษัตริย์ที่ปรีชาสามารถมาก แต่ด้วยสภาพบ้านเมืองในขณะนั้นไม่เอื้ออำนวยให้พระองค์ได้บริหารประเทศให้เจริญรุ่งเรืองเท่าใดนัก ยังทรงเป็นผู้ที่ทำนุบำรุงพุทธศาสนาเป็นอย่างดีอีกด้วย แต่ด้วยการศึกภายนอกและภายใน พระองค์จึงต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำศึกปราบจลาจลต่างๆจนราบ และยังสามารถตีเอาหลายเมืองกลับเข้ามาไว้ในแผ่นดินสุโขทัยอีกครั้ง แต่ในช่วงเดียวกันพระเจ้าอู่ทองได้มีกำลังกล้าแข็งแล้ว และได้นำทัพเข้าตีพิษณุโลก พญาลิไทได้เจรจาขอจ่ายบรรณาการเพื่อไถ่พิษณุโลกคืน พระเจ้าอูทองทรงยินยอมแต่แลกด้วยเงื่อนไขที่ให้พญาลิไทย้ายไปอยู่ที่พิษณุโลกแทน และในสมัยของพญาลิไทนี้เองที่มีการสร้างพระพุทธชินราช และพระพุทธชินสีห์ขึ้น
พญาลิไทประทับอยู่ที่พิษณุโลก ๗ ปี พระเจ้าอู่ทองก็สิ้นพระชนม์ พญาลิไทจึงถือโอกาสกลับสุโขทัยเพื่อหาทางออกจากอำนาจของอยุธยา และสิ้นพระชนม์ในปี ๑๙๑๗ โอรสคือพระมหาธรรมราชาที่ ๒ (Mahadharmaraja II) ขึ้นครองราชย์ต่อ ในยุคนี้กองทัพอยุธยาของขุนหลวงพะงั่วได้เข้าตีสุโขทัยในปี ๑๙๒๑ และตกเป็นเมืองขึ้นของอยุธยาในที่สุด พระมหาธรรมราชาที่ ๒ สิ้นพระชนม์ในปี ๑๙๔๒ ผู้สืบบัลลังค์คือพระมหาธรรมราชาที่ ๓ (Mahadharmaraja III) หรือพญาไสลือไท พระองค์พยายามเสริมสร้างอำนาจของสุโขทัยใหม่ โดยหาพันธมิตรเพื่อมาต่อต้านอยุธยา แต่ก็ไม่สำเร็จ และสิ้นพระชนม์ลงในปี ๑๙๖๒ โดยมิได้กำหนดองค์รัชทายาท ทำให้โอรสสองพระองค์คือพญาบาลเมืองกับพญาราม ก่อศึกชิงบัลลังค์กัน พระนครินทราธิราชแห่งอยุธยาจึงเข้าไกล่เกลี่ยโดยแบ่งอาณาจักรเป็นสองส่วน ให้พญาบาลเมืองปกครองพิษณุโลก และพญารามปกครองสุโขทัย
พญาบาลเมืองหรือพระมหาธรรมราชาที่ ๔ (Mahadharmaraja IV) สิ้นพระชนม์ในปี ๑๙๘๑ เป็นการสิ้นสุดราชวงศ์พระร่วงและอาณาจักรสุโขทัย หลังจากนั้นเจ้าสามพระยา กษัตริย์แห่งอยุธยาได้ส่งพระราเมศวร เชื้อพระวงศ์ของเจ้าสามพระยาที่มีความเกี่ยวดองกับราชวงศ์พระร่วงมาปกครองพิษณุโลก และได้รวมอาณาจักรสุโขทัยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอยุธยานับแต่นั้น
หลังจากที่พ่อขุนรามคำแหงมหาราชย์สิ้นพระชนม์ในปี ๑๘๖๐ แผ่นดินก็อ่อนแอลง เมืองต่างๆที่เคยอยู่ใต้การปกครองก็แยกตัวออกเป็นอิสระ ในช่วงนี้แผ่นดินอยู่ใต้การดูแลของปู่ไสสงคราม ผู้ดูแลแทนพญาเลอไท โอรสพ่อขุนรามคำแหงที่เป็นราชทูตเดินทางไปยังประเทศจีน และในช่วงนี้เช่นกันที่สุพรรณบุรีหลุดจากอำนาจของสุโขทัย และเริ่มกล้าแข็งขึ้นภายใต้อำนาจของพระเจ้าอู่ทอง หลังจากนั้นพระเจ้าอู่ทองได้พยายามเข้าโจมตีหัวเมืองของสุโขทัยหลายครั้ง
พญาเลอไทสิ้นพระชนม์ในปี ๑๘๙๐ พญางั่วนัมถมพระอนุชาครองราชย์ต่อ แต่ก็สิ้นพระชนม์หลังจากนั้นไม่นาน และเกิดการแย่งชิงบัลลังค์กัน ผู้ขึ้นครองราชย์ต่อคือพญาลิไท หรือ พระมหาธรรมราชาที่ ๑ (Mahadharmaraja I) โอรสของพญาเลอไท พญาลิไททรงเป็นกษัตริย์ที่ปรีชาสามารถมาก แต่ด้วยสภาพบ้านเมืองในขณะนั้นไม่เอื้ออำนวยให้พระองค์ได้บริหารประเทศให้เจริญรุ่งเรืองเท่าใดนัก ยังทรงเป็นผู้ที่ทำนุบำรุงพุทธศาสนาเป็นอย่างดีอีกด้วย แต่ด้วยการศึกภายนอกและภายใน พระองค์จึงต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำศึกปราบจลาจลต่างๆจนราบ และยังสามารถตีเอาหลายเมืองกลับเข้ามาไว้ในแผ่นดินสุโขทัยอีกครั้ง แต่ในช่วงเดียวกันพระเจ้าอู่ทองได้มีกำลังกล้าแข็งแล้ว และได้นำทัพเข้าตีพิษณุโลก พญาลิไทได้เจรจาขอจ่ายบรรณาการเพื่อไถ่พิษณุโลกคืน พระเจ้าอูทองทรงยินยอมแต่แลกด้วยเงื่อนไขที่ให้พญาลิไทย้ายไปอยู่ที่พิษณุโลกแทน และในสมัยของพญาลิไทนี้เองที่มีการสร้างพระพุทธชินราช และพระพุทธชินสีห์ขึ้น
พญาลิไทประทับอยู่ที่พิษณุโลก ๗ ปี พระเจ้าอู่ทองก็สิ้นพระชนม์ พญาลิไทจึงถือโอกาสกลับสุโขทัยเพื่อหาทางออกจากอำนาจของอยุธยา และสิ้นพระชนม์ในปี ๑๙๑๗ โอรสคือพระมหาธรรมราชาที่ ๒ (Mahadharmaraja II) ขึ้นครองราชย์ต่อ ในยุคนี้กองทัพอยุธยาของขุนหลวงพะงั่วได้เข้าตีสุโขทัยในปี ๑๙๒๑ และตกเป็นเมืองขึ้นของอยุธยาในที่สุด พระมหาธรรมราชาที่ ๒ สิ้นพระชนม์ในปี ๑๙๔๒ ผู้สืบบัลลังค์คือพระมหาธรรมราชาที่ ๓ (Mahadharmaraja III) หรือพญาไสลือไท พระองค์พยายามเสริมสร้างอำนาจของสุโขทัยใหม่ โดยหาพันธมิตรเพื่อมาต่อต้านอยุธยา แต่ก็ไม่สำเร็จ และสิ้นพระชนม์ลงในปี ๑๙๖๒ โดยมิได้กำหนดองค์รัชทายาท ทำให้โอรสสองพระองค์คือพญาบาลเมืองกับพญาราม ก่อศึกชิงบัลลังค์กัน พระนครินทราธิราชแห่งอยุธยาจึงเข้าไกล่เกลี่ยโดยแบ่งอาณาจักรเป็นสองส่วน ให้พญาบาลเมืองปกครองพิษณุโลก และพญารามปกครองสุโขทัย
พญาบาลเมืองหรือพระมหาธรรมราชาที่ ๔ (Mahadharmaraja IV) สิ้นพระชนม์ในปี ๑๙๘๑ เป็นการสิ้นสุดราชวงศ์พระร่วงและอาณาจักรสุโขทัย หลังจากนั้นเจ้าสามพระยา กษัตริย์แห่งอยุธยาได้ส่งพระราเมศวร เชื้อพระวงศ์ของเจ้าสามพระยาที่มีความเกี่ยวดองกับราชวงศ์พระร่วงมาปกครองพิษณุโลก และได้รวมอาณาจักรสุโขทัยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอยุธยานับแต่นั้น